เริ่มต้นความเป็นมาของธุรกิจ เปิดร้านซักอบรีด
เริ่มต้นความเป็นมาของธุรกิจ เปิดร้านซักอบรีด
อย่างที่เราๆ นึกภาพกันออก อาชีพซักรีดเริ่มต้นจากแม่บ้านที่หารายได้พิเศษด้วยการรับจ้างซักผ้าจากคนในละแวกที่คุ้นเคย ซึ่งเป็นการซักผ้าด้วยมีล้วนๆในราคาถูก
เมื่อถึงยุคของเครื่องซักผ้า บทบาทของแม่บ้านรับจ้างซักผ้าก็เริ่มลดลง เข้าสู่ยุคร้านซักรีด ซึ่งเริ่มต้นเมื่อประมาณปี พ.ศ.2522 – 2523 ในช่วงแรก แน่นอนว่ายังไม่เป็นที่นิยมนัก เพราะตอนนั้นการจ้างซักรีดถือเป็นสิ่งฟุ่มเฟื่อย และการจ้างคนซักรีด หรือคนทำงานบ้านก็หาได้ง่ายทั่วไป
อย่างไรก็ตาม เมื่อมีผู้เสนอให้บริการ และวิถีชีวิตของผู้คนเริ่มเปลี่ยนแปลงไป ธุรกิจบริการซักรีด ก็ถึงช่วงเจริญเติบโตเมื่อกลางปี 2526 – 2527โดยเฉพาะเมื่อบริษัทวอชชี่-แมชชี่ และบริษัทชินไฉฮั้ว สองบริษัทใหญ่เข้ามาลงทุนทำธุรกิจด้านนี้ มีการโหมประชาสัมพันธ์ให้เห็นถึงประโยชน์ของการบริการซักรีดที่ทำให้ชีวิตสะดวกสบายขึ้น ทำให้คนส่วนใหญ่เริ่มหันมาใช้บริการซักอบรีดมากขึ้น แล้วร้านซักรีดก็ไม่ใช่ของแปลกสำหรับสังคมไทยอีกต่อไป
ร้านซักรีดขยายตัวอย่างต่อเนื่อง จนช่วงปี 2539 – 2540 ภาวะเศรษฐกิจยังเฟื่องฟู ผู้คนนิยมเปิดร้านซักรีดกันมาก ทำให้เกิดการแข่งขันอย่างรุนแรง บางรายอยู่ได้นาน บางรายก็หายไปจากตลาด จนการเติบโตของร้านซักอบรีดเริ่มอยุ่ตัว และลดลงต่อเนื่องตามรสนิยมของผู้บริโภค เนื่องจากมีความต้องการเปลี่ยนแปลงไป มีสินค้าอื่นเข้ามาทดแทน
คนไทยทุกบ้านเริ่มมีเครื่องซักผ้าเป็นของตัวเอง เครื่องซักผ้ามีราคาถูกลง งานซักรีดผ้า ไม่ใช่เรื่องยุ่งยากอีกต่อไป แม้มีเวลาน้อยก็สามารถทำเองได้ง่าย จนกระทั่งเกิดวิกฤตเศรษฐกิจ ผู้คนต้องประหยัดอดออมจึงหันมาใส่เสื้อผ้าราคาถูกลงและซักรีดง่าย ทำให้คนใช้บริหารร้านซักรีดลดลงช่วงวิกฤตภาวะเศรษฐกิจก็ทำให้ธุรกิจร้านซักรีดได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงไม่น้อยไปกว่าธุรกิจการเงินเลยอุปกรณ์เกี่ยวกับการซักรีดขายไม่ออก เช่นเดียวกัยสินค้าอื่นๆ แฟรนไชส์ลอนดรี้ขายไม่ออก อัตราการขายเครื่องซักผ้าลดลง ฯลฯ เพราะธุรกิจนี้ไม่ต่างจากธุรกิจอื่นที่ขึ้นลงตามภาวะเศรษฐกิจ ช่วงใดที่เศรษฐกิจอยู่ในช่วงขาขึ้น คนมีเงินจับจ่ายใช้สอย ก็มีการใช้บริการซักรีด ช่วงใดเศรษฐกิจขาลง คนไม่มีเงินจับจ่ายก็มีแนวโน้มอยู่บ้านซักผ้าเองเป็นปกติ
ส่วนบริษัทรายใหญ่ต้องหันไปรับงานจากช่องทางใหม่ เช่น โรงงาน โรงแรม ฯลฯ แต่ก็ไม่ทำให้สถานการณ์กระเตื้องนัก เพราะโรงแรมและโรงงานก็ได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจเช่นเดียวกัน เรียกว่าชะลอตัวกันทั้งระบบ แต่ธุรกิจซักรีดก็ประคับประคองตนจนอยู่รอดมาได้
อนาคตแนวโน้มการขยายตัว
เมื่อเศรษฐกิจไทยเริ่มดีขึ้นตามลำดับ คนหันกลับมาบริโภคจับจ่ายใช้สอยกันมากขึ้น แนวโน้มของร้านซักรีดจึงค่อยๆ ดีขึ้นตามไปด้วย ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า ตลาดซักรีด-แห้ง ในปี 2543 ซึ่งภาวะเศรษฐกิจเริ่มกระเตื้องนั้น ขยายตัวร้อยละ 15-20
ถึงแม้ว่าว่าทุกบ้านจะมีเครื่องซักผ้า เราอยู่ในสังคมที่ต้องการเครื่องทุ่นแรงมานานแล้ว แต่ว่าสิ่งที่สังคมสมัยใหม่กำลังเผชิญก็คือการขาดแคลนแรงงานในเมืองใหญ่ อนาคตเราต้องพึ่งพาตนเองมากกว่าเดิมและคนเริ่มสนใจภาพลักษณ์มากขึ้น เสื้อผ้าเป็นสิ่งส่งเสริมบุคลิกภาพและมีราคาแพง คนจึงหันมาใช้บริการซักรีดมากขึ้น แม้ว่าจะมีเครื่องซักผ้าอยู่แล้วก็ตาม
แม้ตลาดธุรกิจซักอบรีดในสหรัฐวิเคราะห์ว่า รายได้ของผู้ประกอบการซัก อบ รีด มีแนวโน้มลดลงในช่วง 10 ปีหลังที่ผ่านมา แต่แนวโน้มในการเปิดร้านซักอบรีดในบ้านเราจะขยายตัวมากขึ้นในอนาคต เพราะคนไทยยังต้องการบริการในด้านนี้อยู่ ตามไลฟ์สไตล์ชีวิตของผู้คนเมืองจึงยังมีช่องทางให้ผู้ลงทุนรายใหม่เข้าสู่ตลาดตลอดเวลา
ทำไมร้านซักรีดจึงตอบสนองไลฟ์สไตล์คนยุคใหม่
- ค่า Nursery ลูก 2,700 บาท
- ฝากเข้าธนาคารให้ลูก 3,000 บาท
- ค่าน้ำมันรถ 800 บาท
- ค่าน้ำ+ไฟ+โทร 2,200 บาท
- ค่ามือถือ 900 บาท
- ค่าซักรีด 800 บาท
- ค่าอาหาร 8,000 บาท
รวม 18,400 บาท”
นี่คือรายจ่ายของคนเมือง ที่เป็นตีวอย่างการจับจ่ายของผู้คนยุคนี้ได้ดี คนสมัยนี้ยอมจ่ายให้กับร้านซักอบรีดเพราะมีหลายเหตุผลที่ทำให้ให้ร้านซักรีดเป็นที่ต้องการและมีความจำเป็น ร้านซักอบรีดตอบสนองไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ได้ดี
ความจริงแล้ว เสื้อผ้านุ่งห่มเป็นความต้องการขั้นพื้นฐาน (Basic need) ทำให้เกิดสิ่งจูงใจขั้นพื้นฐาน (Primarybuying Motives) หากลองให้เหตุผลว่าทำไมจึงอยากเปิดร้านซักรีด คุณสามารถตอบตัวเองและคนอื่นได้เลยว่า…คนสนใจเรื่องเครื่องแต่งกายมากขึ้น ผู้คนมีแนวโน้มจ่ายเงินให้กับร้านซักรีดมากขึ้น เพราะเรากำลังอยู่ในยุคที่ผู้คนให้ความสำคัญกับบุคลิกภาพและการแต่งกายภายนอกผู้คนจับจ่ายให้กับเสื้อผ้าราคาสูงซึ่งจำเป็นต้องได้รับการดูแลอย่างดี งานซักรีดจึงเป็นงานที่ต้องได้รับการใส่ใจมากขึ้นไปอีก เกินกว่าที่จะจัดการดูแลได้เอง พวกเขาเห็นว่าการส่งเสื้อผ้าราคาแพงให้กับร้านซักรีดที่เชี่ยวชาญจะคุ้มค่ากว่า เพราะเสื้อผ้าบางตัสราคาแพง เมื่อแลกกับค่าซักรีดแล้วนับว่าคุ้มค่า ร้านซักรีดจึงเป็นทางเลือกสำหรับคนยุคนี้
เราเร่งรีบ มีเวลาน้อยลง อยากพักผ่อนมากขึ้น วิถีชีวิตของคนไทยเปลี่ยนไปรวดเร็วอาศัยอยู่ในที่คับแคบลงใช้ชีวิตเร่งรีบทำงานหนักและไม่มีเวลา รวมถึงต้องการความสะดวกสบายมากขึ้น ต้องการพักผ่อน งานซักรีดที่ต้องเสียเวลาไม่น้อยจนแทบไม่มีเวลาพักผ่อน จึงหันมาใช้บริการร้านซักรีดแทน
คนหนุ่มสาวที่อยู่ในสถานที่จำกัดอย่างคอนโดหรืออพาร์ตเมนต์ไม่มีที่ตากผ้า,หรือคนรุ่นใหม่ที่แยกออกมาอยู่คนเดียว ทำให้มีอิสระมากขึ้น แต่ต้องรับผิดชอบตัวเองมากขึ้น รวมถึงงานบ้านต่างๆ ครอบครัวเดี่ยวสมัยใหม่ที่หญิงชายต้องทำงานทั้งคู่ แม่บ้านต้องการมีเวลาทำอย่างอื่นด้วยเช่นดูแลลูก ทำอาหารหรือกิจกรรมอื่นที่เป็นการพักผ่อน
ข้อเท็จจริงก็คือ การซักรีดเสื้อผ้าเป็นงานที่หนักที่สุด นี่เป็นผลจากการสำรวจความคิดเห็นของคนส่วนใหญ่ รองมาก็คือการทำอาหารและเลี้ยงเด็ก แม้จะมีเครื่องซักผ้ายุคใหม่มาช่วยทุ่นแรงแม่บ้าน แต่งานรีดก็นับเป็นภาระยุ่งยาก ใช้เวลามากอยู่ดี แถมการรีดผ้าต้องใช้ความพิถีพิถันมาก ผลการสำรวจจากซีเมนส์ผู้ผลิตเครื่องช่วยรีดผ้า บอกว่าการรีดผ้าแต่ล่ะตัวนั้น ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 8 นาที เลยที่เดียวเท่ากับว่าในสัปดาห์หนึ่งๆ เราต้องยืนอยู่หน้าเตารีดเป็นเวลานานกว่า 1 ชั่วโมง งานบ้านที่หินๆ เช่นนี้จึงเป็นงานที่หน้าเบื่อหน่ายสำหรับคนรุ่นใหม่ทั้งหลาย ผู้คนต้องการเอาเวลาที่อยู่บ้านไปพักผ่อน หรือจัดการอย่างอื่นที่เบาๆมากกว่า
Related Posts
น้ำยาซักผ้า และ อุปกรณ์เปิดร้านซักรีด
ธ.ค.
About the Author: